ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การวิบัติแบบต่างๆในงานโครงสร้าง

 การวิบัติแบบต่างๆในงานโครงสร้าง

การเสียรูป, การวิบัติ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า การพัง นั้น สามารถเกิดได้กับทุกอย่างที่เป็นโครงสร้าง เช่น อาคาร บ้านเรือน ชิ้นส่วนเครื่องจักรกล รางรถไฟ สะพาน เสา ตลอดจนสิ่งต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นอีกหลายอย่าง ซึ่งการวิบัติ เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้นเกิดขึ้น ยกเว้นการทดสอบบางประการเกี่ยวกับการวิบัติ เช่น การทดสอบแรงดึง แรงอัด เป็นต้น 

การวิบัติ เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยในสายงานวิศวกรรม สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่

1. การวิบัติเนื่องจากความเค้นสูงเกินกำลังต้านทานของวัสดุ หรือ เลยช่วงการคืนตัวกลับคืน หรือช่วงเชิงเส้น หรือ จุดคราก, จุด ยีลด์ 

การวิบัตินี้ ไม่ค่อยเกิดโดยตรง เนื่องจากการออกแบบส่วนใหญ่ จะใช้ค่าจุดครากของวัสดุมาออกแบบ แต่ที่เห็นการวิบัติบ่อยๆ เนื่องมาจากต้นเหตุอื่นมากกว่า จึงส่งผลโดยรวมให้เลยจุดคราก


2. การวิบัติโดยรับภาระเกินกำลังในแนวแกน หรือ บัคลิ่ง, Buckling บางคนเรียก บักกิ้ง 

การวิบัติแบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณเสาหรือชิ้นส่วนที่รับแรงในแนวแกน การวิบัติแบบ Buckling มีตัวแปรสำคัญมาจากอัตราส่วนความชลูด หรือ Slenderness ratio เป็นหลัก  ค่านี้ก็สำคัญสำหรับการออกแบบชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่รับแรงตามแนวแกน หรือ Axial load 

3. การวิบัติจากการสั่นฟ้อง หรือ เรโซแนนซ์, Resonance.

การวิบัติแบบนี้ค่อนข้างรุนแรง และมักเป็นต้นเหตุไปสู่ความวิบัติอื่นๆ เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นได้ หรือสังเกตุได้ยาก เล่น ลมพัดสะพานจนแกว่งไปมา เริ่มจากแกว่างน้อยๆ จนเกิดการเคลื่อนที่แบบคลื่น เมื่อความถี่ถึงค่าค่าหนึ่งที่เป็นความถี่วิบัติ หรือความถี่ธรรมชาติ ก็จะส่งผลให้ค่าต่างๆเกินจากที่ออกแบบไว้ ทำให้วิบัติในที่สุด

4. การวิบัติจากความล้า หรือ ฟาทีก, Fatigue การวิบัติแบบนี้เกิดขึ้นจากการสูญเสียกำลังของวัสดุเนื่องจากความล้า หรือการอ่อน เช่น เหล็กเส้นกลม โดนดัดไปมา จนเกิดความร้อนและอ่อนตัวในที่สุด การล้า สามารถเกิดขึ้นได้เสมอไม่จไเป็นต้องมากจากแรงเชิงกลก็ได้ เช่น หลอดไฟ ที่เปิดปิดบ่อยๆ เกิดความร้อนและเย็นสลับกันจนใส้หลอดขาดลงในที่สุด หรือ อุปกรณ์ตัดไฟฟ้าในเบรกเกอร์ ที่ใช้หลักการนี้ หรือบางครั้ง กล้ามเนื้อของเราก็อ่อนล้าได้หากทำงานหนักซ้ำๆ เพราะเรื่องนี้คือธรรมชาติ ฉะนั้น การออกแบบโดยใช้วัสดุที่ถูกต้อง ค่าความเผื่อต่างๆถูกต้อง ก็ย่อมป้องกันการวิบัติจากความล้าได้


5. การวิบัติแบบครีป, Creep การเสียรูปแบบนี้คล้ายๆการเสียรูปเฉพาะส่วน เช่น ชิ้นส่วนปีกนกของช่วงล่างรถยนต์ ที่วิบัติเฉพาะจุดเนื่องจากได้รับแรงเกินพิกัดอยู่เฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง การวิบัติแบบนี้อาจจะค่อยๆเกิดและสะสมความเสียหายไว้เรื่อยๆจนนำไปสู่การวิบัติรวมของโครงสร้าง


6. การวิบัติเนื่องจากสูญเสียพื้นที่หรือเนื้อรับภาระจากการสึกกร่อน เช่น การเกิดสนิม จนคุณสมบัติรับแรงของเหล็กเปลี่ยนไป จนเกิดการวิบัติ

การวิบัติจากภาวะนี้สร้างความเสียหายร้ายแรง ในแต่ละปี มนุษย์สูญเสียมูลค่ากับการป้องกันการสึกกร่อนของโลหะเป็นอย่างมาก แต่หากเทียบกับการปล่อยให้เกิดการสึกกร่อน ก็จะมีความเสียหายใหญ่หลวงกว่า เช่น อุตสาหกรรมการผลิตปิโตรเลียมในทะเล เป็นต้น


วิศวกรท้องถิ่น 6/14/2025
Line ID: engineerm

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขนาดของเพลาและขนาดร่องลิ่ม

            หลายครั้งที่ผู้เขียนไปวัดแบบเครื่องจักรที่มีส่วนประกอบของเพลาและร่องลิ่ม จึงขอนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องร่องลิ่มมาฝาก โดยในบทความนี้ไม่ขอลงลึกในส่วนการคำนวณ หรือสูตรต่างๆ แต่ขอยกวิธีการใช้งานมาเลย นั่นคือ เพลาขนาดเท่าไหร่ จึงจะใช้ร่องลิ่มขนาดที่สัมพันธ์กัน โดยอาศัยตารางที่แนบมานี้ หวังว่า พี่น้องชาววิศวกรออกแบบทุกท่าน คงจะออกแบบได้ง่ายขึ้น  หรือ ท่านผู้อ่านสามารถดาวน์โหลด App ไปใช้งานบนอุปกรณ์ Android กันได้ง่ายๆ เกี่ยวกับขนาดเพลาและร่องลิ่ม ราคาแอปพลิเคชั่นแค่ 13 บาท จากที่นี่  https://play.google.com/store/apps/details?id=com.appybuilder.Anuwat_Kongpan.Shaft_and_Key   สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิศวกรรมได้ที่นี่ครับ

รวมปุ่มลัด และคำสั่ง SolidWorks ในหมวดต่างๆ พร้อมไอคอนและชื่อคำสั่ง

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน โปรแกรม 3 มิติ ที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ที่ไม่ต้องบอกก็ทราบว่าคือโปรแกรมอะไร การฝึกฝนและจดจำคำสั่งสำหรับผู้เริ่มต้นจะเป็นอะไรที่ค่อนค่างยุ่งยาก จึงขอสรุปเป็นภาพและนำมาฝากทุกท่านครับ ขอให้ทุกท่านบรรลุผลในสิ่งที่มุ่งหวังทุกประการ ท่านสามารถพิมพ์เป็นเอกสารหรือบันทึกเก็บไปใช้ได้ตามความประสงค์ ขอบคุณที่มาของเอกสารด้วยครับ

การออกแบบ Screw Conveyor

สกรูคอนเวย์เยอร์ คืออะไร? คาดว่าทุกท่านคงรู้จักกันดี เป็นเกลียวหมุนอยู่ในรางหรือในท่อทรงกลม เพื่อลำเลียงวัสดุบางอย่างตามที่ออกแบบคำนวณไว้ ส่วนประกอบต่างๆมีดังนี้ ประวัติของสกรูคอนเวย์เยอร์นี้ มียาวนานมาก สมัยอาร์คีมีดีส ผันน้ำตั้งแต่ก่อนเริ่มศาสนจักรไป 267 ปี เชียวนะ ( จริงๆ นะ )  มีหลายแบบ ทั้งแบบมีเพลาและไม่มีเพลา ( Ribbon ) ขึ้นอยู่กับว่าเราออกแบบเพื่อลำเลียงอะไร ข้อได้เปรียบของสกรูคอนเวย์เยอร์คือ 1.สร้างง่าย 2.น้ำหนักเบา 3.ใช้พื้นที่น้อย 4.ต้นทุนการทำงานต่ำ 5.ลำเลียงวัสดุได้หลายหลาก 6.ลำเลียงได้ทุกองศาตั้งแต่แนวราบจนถึงแนวดิ่ง ความเลวของสกรูคอนเวย์เยอร์ ( 55 ) 1.มีการสึกหรอของรางที่เสียดสีกับวัสดุ 2.วัสดุที่ลำเลียงอาจถูกกระทบโดนใบสกรู 3.ความแข็งแรงขึ้นกับวัสดุที่ขนถ่าย อาจจะใชำกำลังไฟฟ้ามากในบางกรณี Parameter ต่างๆที่เกี่ยวข้องมีดังนี้ 1.Screw Pitch คือระยะพิทช์ของใบสกรูนั่นเอง 2.RPM of screw คือ รอบการหมุนของใบสกรูลำเลียง 3.Inclination Factor ค่าแฟคเตอร์มุม หรือ ค่า C  4.Loading efficiency ค่านี้ดูได้จากวัสดุกัดกร่อนม...